วันศุกร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

กิจกรรมครั้งที่ 2


สวนสัตว์เชียงใหม่
องค์ความรู้ของแหล่งการเรียน:
        สวนสัตว์เชียงใหม่ เป็นสวนสัตว์ในความดูแลขององค์การสวนสัตว์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ตั้งอยู่บริเวณทางขึ้นดอยสุเทพ บนถนนห้วยแก้ว ตำบลสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่ 8.00 น. - 17.00 น. มีสัตว์อยู่ในสวนสัตว์จำนวนมาก เช่น เม่น นกยูง เสือโคร่ง เสือขาว กวาง แรด ฮิปโปเตมัส ช้าง หมี อีเห็น และยังมีส่วนจัดแสดงหมีแพนด้า ช่วงช่วง และ หลินฮุ่ย จากประเทศจีน ภายในสวนสัตว์เชียงใหม่มีโบราณสถานที่ชื่อว่าวัดกู่ดินขาว ที่เป็นซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณเวียงเจ็ดลิน และมีการแสดงความสามารถของสัตว์ เช่น นกมาคอลว์ นาก นกกระทุง และมีส่วนจัดแสดงเพนกวินและแมวน้ำ
          นอกจากนี้ สวนสัตว์เชียงใหม่ยังเป็นที่ตั้งของ เชียงใหม่ ซู อควาเรียม ศูนย์แสดงพันธ์สัตว์น้ำครบวงจร ที่มีอุโมงค์น้ำความยาวกว่า 133 เมตร ซึ่งจัดว่ายาวที่สุดในโลก แบ่งเป็นอุโมงค์น้ำเค็ม 66.5 เมตร และอุโมงค์น้ำจืด 66.5 เมตร โดยเชียงใหม่ ซู อควาเรียมได้รวบรวมปลาน้ำจืดแห่งลุ่มแม่น้ำโขงและโลกใต้ทะเลด้วยกัน เพื่อให้ชีวิตน้อยใหญ่ได้อาศัยพึ่งพิง
กลุ่มเป้าหมายหลัก:
          บุคคลทั่วไป,นักเรียน,นักศึกษา
 วิธีการจัดกระบวนการเรียนรู้:
          อธิบาย,การสาธิต,การลงมือปฏิบัติ
รูปแบบ / วิธีการ / เทคนิคการนำเสนอ:
          การใช้ของจริงในการอธิบายในส่วนต่างๆของสวนสัตว์
วิธีการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับวัตถุประสงค์และกลุ่มผู้เรียน:
          ใช้การสาธิตเป็นตัวอย่างแล้วใช้การลงมือปฏิบัติจริงทำให้เกิดการเรียนรู้ 
สามารถเชื่อมโยงกับการศึกษา:

           ตามอัธยาศัย เพราะทางสวนสัตว์เปิดให้เข้าชมได้ตั้งแต่วัยเด็กจนถึงวัยชรา ทำให้เป้นการเรียนรู้ตลอดชีวิต

 
 
   องค์ความรู้ที่ได้

         จากจุดเริ่มต้นกับการเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างเล็กๆของเขาที่ได้กำไรราคาเพียงสองหมื่นบาท แต่ด้วยความมุ่งมั่น เรียนรู้กับผู้มากประสบการณ์จากบริษัทยักษ์ใหญ่ทั้งหลาย กล้าที่จะคิด กล้าที่จะตัดสินใจ บวกกับอุปนิสัยส่วนตัวที่มีความชื่นชอบผลงานศิลปะสไตล์กรีก โรมัน เขาจึงได้ถ่ายทอดความคิดผ่านตัวตนออกมาเป็นผลงานด้านสถาปัตยกรรมควบคู่ไปกับการสร้างบ้าน จนในที่สุดสามารถเก็บเกี่ยวประสบการณ์และพัฒนาฝีมือ และเป็นที่มาของการก่อตั้งบริษัทและรับงานก่อสร้างเป็นของตัวเอง โดยเริ่มต้นงานบ้านหลังแรกด้วยราคา 40 ล้านบาท ทำให้ ณ วันนี้ ผู้ชายคนนี้เป็นที่รู้จักในนามของคนสร้างบ้านที่งดงามและน่าภาคภูมิใจที่สุด  แต่กว่าจะถึงวันนี้ อุปสรรคต่างๆนานา ก็ล้วนเป็นบทบทสอบให้เขาได้ก้าวผ่าน และด้วยวิกฤตฟองสบู่ที่เกิดขึ้นก็ได้กลายเป็นจุดพลิกผันครั้งยิ่งใหญ่ของผู้ชายคนนี้ 
รางวัลที่ได้รับ 
การได้ทักษะชีวิตและประสบการณ์ทำงาน
จุดเด่น   

1.ในการทำงานต้องทำเพื่อความสำเร็จของงานซึ่งคุณสุรัตน์ชัย กึงฮะกิจ ได้กล่าวไว้ว่า “ในการสร้าง    บ้านแบบที่ลูกค้าตั้งความคาดหวังไว้สูง เราก็จะต้องสร้างที่เกินความคาดหวังไปอีก”
2.การที่เราจะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานได้นั้น จะต้องคิดเสมอว่าเราไม่ได้ทำงานเพื่อเงินทอง แต่ทำงานเพื่อความสำเร็จของงานต่างหาก

3.การทำงานเมื่อมีปัญหาให้พึงคิดเสมอว่า “ปัญหาไม่มีคำว่าแก้ไขไม่ได้” เพราะปัญหาไม่มีทางที่แก้ไม่ได้ แต่ต้องค่อยๆคิด และทำงานเป็นขั้นตอน


 องค์ความรู้ที่ได้

1. อาหารไทย ไม่ได้เพียงแค่ถูกปากคนไทยในบ้านเราเท่านั้น เพราะทุกวันนี้ชาวต่างชาติก็ให้ความ สนใจ ไม่แพ้อาหารสัญชาติอื่นอาจดูได้ง่ายๆจาก ราคาเพราะอาหารไทยในต่างประเทศราคาสูงแบบไม่ธรรมดา
2.แม้ในยุคภาวะวิกฤตเศรษฐกิจที่ชะลอตัวจนถึงขั้นติดลบ แต่ปรากฏว่าโรงเรียนและสถาบันสอนทำอาหารหลายแห่งกลับเติบโตสวนกระแสเศรษฐกิจ และโรงเรียนบางแห่งมีการขยายหลักสูตรเป็นระดับนานาชาติด้วยการแลกเปลี่ยนความรู้ร่วมกับสถาบันสอนทำอาหารที่มีชื่อเสียงในต่างประเทศ
3.โรงแรมหลายแห่งเริ่มเปิดอบรมสอนสาธิตการทำอาหารแบบเดินตาม และโรงแรมรุ่นเก่าที่เปิดเป็นโรงเรียนสอนทำอาหารอยู่ในปัจจุบันก็เพื่อเสริมรายได้
4.ในหลายประเทศเริ่มออกกฎระเบียบเข้มงวดในการเข้าไปประกอบอาชีพเชฟ โดยเฉพาะในแถบยุโรปทั้งหมดเช่น อเมริกา ออสเตรเลีย ตั้งกฎระเบียบว่า ภาษาอังกฤษต้องอยู่ในระดับอ่านออกเขียนได้ มีใบสอบภาษา ถ้าภาษาไม่ได้ ไม่จบปริญญาตรี ไม่มีใบรับรองก็ไม่ได้  และสุดท้ายเมื่อผ่านกฎระเบียบแล้วก็ขึ้นอยู่กับความพอใจของเจ้าของร้าน
5.ในประเทศอังกฤษ กรมพัฒนาฝีมือแรงงานที่เรียกว่า "ซิตี้ไกด์" ของอังกฤษและในอเมริกากำหนดว่า นักเรียนที่เรียนหลักสูตรระดับเชฟต้องใช้เวลาเรียนอย่างน้อย 2-4 ปี สำหรับหลักสูตร 4 ปีจะแบ่งเป็นเรียนภาคทฤษฎี 2 ปี ฝึกปฏิบัติจริง 2 ปี ดังนั้นใบประกาศนียบัตรที่ออกมาจึงเป็นมาตรฐานสากลที่หลายประเทศ ทั้งใน อเมริกา ยุโรป ออสเตรเลีย รับรองว่าผ่านหลักสูตรนี้จริง
6.เวลาหาเชฟไปทำงานเมืองนอก ไม่มีนโยบายรับเชฟจากโรงแรม เพราะการทำงานในโรงแรมจะแบ่งงานกันทำคนละส่วน แต่จะรับเชฟจากร้านอาหารมากกว่า เพราะมีความคล่องตัวสูง เมื่อไปถึงร้านอาหารในต่างประเทศจะต้องทำงานทุกอย่างได้หมดคนเดียว และงานหนักมากกว่า 2 เท่าของร้านในเมืองไทย
รางวัลที่ได้รับ

"ชุมพล แจ้งไพร" ผู้ชายคนนี้มาพร้อมกับสิ่งที่อาจเรียกได้ว่าเป็นพรสวรรค์เพราะจะมีสักกี่คนที่สามารถเข้าครัวทำอาหารพร้อมเสริฟให้ลูกค้าทานในร้านอาหารดังได้ตั้งแต่อายุเพียง 11 ขวบ  เชฟหนุ่มรุ่นใหม่ วัย 36 ปีนี้ เป็นอดีตเชฟใหญ่แห่งร้านบลูเอเลเฟ่นท์ ซึ่งหลายคนอาจจะคุ้นหน้าคุ้นตาในฐานะแชมป์อาหารไทย ในรายการแฟนพันธุ์แท้และในรายการเชฟกระทะเหล็ก ปัจจุบันได้ผันตัวเองมาตั้งบริษัทที่ปรึกษาการจัดตั้งร้านอาหารไทยในต่างแดนในชื่อ Thai Cuisine Connections หรือ TCCC โดยปัจจุบันมีร้านทั้งในยุโรป ออสเตรเลีย และแคนาดาที่ให้คำปรึกษาดูแลอยู่ พร้อมกับรั้งตำแหน่งเลขาธิการสมาคมพ่อครัวไทย และเป็นเชฟใหญ่ประจำ Vermilion restaurant and Chinnabar และสอนทำอาหารไทยที่โรงเรียนสอนทำอาหาร ในเมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ และเชฟอาหารไทยคนนี้ได้ฝากรสชาติแบบอาหารไทยแท้ๆมาแล้วกว่า30 ประเทศทั่วโลก
  จุดเด่น

1.อาหารไทยไม่เป็นรองใครในโลก
2.ทำอะไรก็แล้วแต่ที่พึ่งคนอื่นน้อยที่สุด แล้วพึ่งตนเองมากที่สุด จุดนั้นจะเป็นจุดที่เราประสบผลสำเร็จได้ง่ายที่สุด
3.ที่นี่ไม่ใช่ชีวิตของเรา  ที่นี่ไม่ใช่อนาคตของเรา  อนาคตของเราต้องเดินทางต่อไป
4.ผมว่าอาหารคือสิ่งมีชีวิต เพราะอาหารมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และอาหารกับมนุษย์จะเปลี่ยนแปลงให้เข้ากันตลอดเวลา
5.เวลานี้ขอเป็นคนพัฒนาอาหารของประเทศไทย เพราะอาหารไทยถือเป็นสมบัติของชาติ