องค์ความรู้ของแหล่งการเรียน:
นอกจากนี้ สวนสัตว์เชียงใหม่ยังเป็นที่ตั้งของ เชียงใหม่ ซู อควาเรียม ศูนย์แสดงพันธ์สัตว์น้ำครบวงจร ที่มีอุโมงค์น้ำความยาวกว่า 133 เมตร ซึ่งจัดว่ายาวที่สุดในโลก แบ่งเป็นอุโมงค์น้ำเค็ม 66.5 เมตร และอุโมงค์น้ำจืด 66.5 เมตร โดยเชียงใหม่ ซู อควาเรียมได้รวบรวมปลาน้ำจืดแห่งลุ่มแม่น้ำโขงและโลกใต้ทะเลด้วยกัน เพื่อให้ชีวิตน้อยใหญ่ได้อาศัยพึ่งพิง
กลุ่มเป้าหมายหลัก:
บุคคลทั่วไป,นักเรียน,นักศึกษา
วิธีการจัดกระบวนการเรียนรู้:
อธิบาย,การสาธิต,การลงมือปฏิบัติ
รูปแบบ / วิธีการ / เทคนิคการนำเสนอ:
การใช้ของจริงในการอธิบายในส่วนต่างๆของสวนสัตว์
วิธีการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับวัตถุประสงค์และกลุ่มผู้เรียน:
ใช้การสาธิตเป็นตัวอย่างแล้วใช้การลงมือปฏิบัติจริงทำให้เกิดการเรียนรู้
สามารถเชื่อมโยงกับการศึกษา:
ตามอัธยาศัย เพราะทางสวนสัตว์เปิดให้เข้าชมได้ตั้งแต่วัยเด็กจนถึงวัยชรา ทำให้เป้นการเรียนรู้ตลอดชีวิต
องค์ความรู้ที่ได้
การได้ทักษะชีวิตและประสบการณ์ทำงาน
จุดเด่น
องค์ความรู้ที่ได้
จากจุดเริ่มต้นกับการเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างเล็กๆของเขาที่ได้กำไรราคาเพียงสองหมื่นบาท แต่ด้วยความมุ่งมั่น
เรียนรู้กับผู้มากประสบการณ์จากบริษัทยักษ์ใหญ่ทั้งหลาย กล้าที่จะคิด กล้าที่จะตัดสินใจ บวกกับอุปนิสัยส่วนตัวที่มีความชื่นชอบผลงานศิลปะสไตล์กรีก
โรมัน เขาจึงได้ถ่ายทอดความคิดผ่านตัวตนออกมาเป็นผลงานด้านสถาปัตยกรรมควบคู่ไปกับการสร้างบ้าน จนในที่สุดสามารถเก็บเกี่ยวประสบการณ์และพัฒนาฝีมือ และเป็นที่มาของการก่อตั้งบริษัทและรับงานก่อสร้างเป็นของตัวเอง โดยเริ่มต้นงานบ้านหลังแรกด้วยราคา 40 ล้านบาท ทำให้ ณ วันนี้ ผู้ชายคนนี้เป็นที่รู้จักในนามของคนสร้างบ้านที่งดงามและน่าภาคภูมิใจที่สุด แต่กว่าจะถึงวันนี้ อุปสรรคต่างๆนานา
ก็ล้วนเป็นบทบทสอบให้เขาได้ก้าวผ่าน และด้วยวิกฤตฟองสบู่ที่เกิดขึ้นก็ได้กลายเป็นจุดพลิกผันครั้งยิ่งใหญ่ของผู้ชายคนนี้
รางวัลที่ได้รับ การได้ทักษะชีวิตและประสบการณ์ทำงาน
จุดเด่น
1.ในการทำงานต้องทำเพื่อความสำเร็จของงานซึ่งคุณสุรัตน์ชัย
กึงฮะกิจ ได้กล่าวไว้ว่า “ในการสร้าง บ้านแบบที่ลูกค้าตั้งความคาดหวังไว้สูง เราก็จะต้องสร้างที่เกินความคาดหวังไปอีก”
2.การที่เราจะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานได้นั้น จะต้องคิดเสมอว่าเราไม่ได้ทำงานเพื่อเงินทอง แต่ทำงานเพื่อความสำเร็จของงานต่างหาก
3.การทำงานเมื่อมีปัญหาให้พึงคิดเสมอว่า “ปัญหาไม่มีคำว่าแก้ไขไม่ได้” เพราะปัญหาไม่มีทางที่แก้ไม่ได้ แต่ต้องค่อยๆคิด และทำงานเป็นขั้นตอน
2.การที่เราจะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานได้นั้น จะต้องคิดเสมอว่าเราไม่ได้ทำงานเพื่อเงินทอง แต่ทำงานเพื่อความสำเร็จของงานต่างหาก
3.การทำงานเมื่อมีปัญหาให้พึงคิดเสมอว่า “ปัญหาไม่มีคำว่าแก้ไขไม่ได้” เพราะปัญหาไม่มีทางที่แก้ไม่ได้ แต่ต้องค่อยๆคิด และทำงานเป็นขั้นตอน
1. “อาหารไทย” ไม่ได้เพียงแค่ถูกปากคนไทยในบ้านเราเท่านั้น
เพราะทุกวันนี้ชาวต่างชาติก็ให้ความ สนใจ ไม่แพ้อาหารสัญชาติอื่นอาจดูได้ง่ายๆจาก “ราคา”
เพราะอาหารไทยในต่างประเทศราคาสูงแบบไม่ธรรมดา
2.แม้ในยุคภาวะวิกฤตเศรษฐกิจที่ชะลอตัวจนถึงขั้นติดลบ
แต่ปรากฏว่าโรงเรียนและสถาบันสอนทำอาหารหลายแห่งกลับเติบโตสวนกระแสเศรษฐกิจ และโรงเรียนบางแห่งมีการขยายหลักสูตรเป็นระดับนานาชาติด้วยการแลกเปลี่ยนความรู้ร่วมกับสถาบันสอนทำอาหารที่มีชื่อเสียงในต่างประเทศ
3.โรงแรมหลายแห่งเริ่มเปิดอบรมสอนสาธิตการทำอาหารแบบเดินตาม และโรงแรมรุ่นเก่าที่เปิดเป็นโรงเรียนสอนทำอาหารอยู่ในปัจจุบันก็เพื่อเสริมรายได้
3.โรงแรมหลายแห่งเริ่มเปิดอบรมสอนสาธิตการทำอาหารแบบเดินตาม และโรงแรมรุ่นเก่าที่เปิดเป็นโรงเรียนสอนทำอาหารอยู่ในปัจจุบันก็เพื่อเสริมรายได้
4.ในหลายประเทศเริ่มออกกฎระเบียบเข้มงวดในการเข้าไปประกอบอาชีพเชฟ
โดยเฉพาะในแถบยุโรปทั้งหมดเช่น อเมริกา ออสเตรเลีย ตั้งกฎระเบียบว่า ภาษาอังกฤษต้องอยู่ในระดับอ่านออกเขียนได้
มีใบสอบภาษา ถ้าภาษาไม่ได้ ไม่จบปริญญาตรี ไม่มีใบรับรองก็ไม่ได้ และสุดท้ายเมื่อผ่านกฎระเบียบแล้วก็ขึ้นอยู่กับความพอใจของเจ้าของร้าน
5.ในประเทศอังกฤษ กรมพัฒนาฝีมือแรงงานที่เรียกว่า "ซิตี้ไกด์" ของอังกฤษและในอเมริกากำหนดว่า นักเรียนที่เรียนหลักสูตรระดับเชฟต้องใช้เวลาเรียนอย่างน้อย 2-4 ปี สำหรับหลักสูตร 4 ปีจะแบ่งเป็นเรียนภาคทฤษฎี 2 ปี ฝึกปฏิบัติจริง 2 ปี ดังนั้นใบประกาศนียบัตรที่ออกมาจึงเป็นมาตรฐานสากลที่หลายประเทศ ทั้งใน อเมริกา ยุโรป ออสเตรเลีย รับรองว่าผ่านหลักสูตรนี้จริง
6.เวลาหาเชฟไปทำงานเมืองนอก ไม่มีนโยบายรับเชฟจากโรงแรม เพราะการทำงานในโรงแรมจะแบ่งงานกันทำคนละส่วน แต่จะรับเชฟจากร้านอาหารมากกว่า เพราะมีความคล่องตัวสูง เมื่อไปถึงร้านอาหารในต่างประเทศจะต้องทำงานทุกอย่างได้หมดคนเดียว และงานหนักมากกว่า 2 เท่าของร้านในเมืองไทย
รางวัลที่ได้รับ5.ในประเทศอังกฤษ กรมพัฒนาฝีมือแรงงานที่เรียกว่า "ซิตี้ไกด์" ของอังกฤษและในอเมริกากำหนดว่า นักเรียนที่เรียนหลักสูตรระดับเชฟต้องใช้เวลาเรียนอย่างน้อย 2-4 ปี สำหรับหลักสูตร 4 ปีจะแบ่งเป็นเรียนภาคทฤษฎี 2 ปี ฝึกปฏิบัติจริง 2 ปี ดังนั้นใบประกาศนียบัตรที่ออกมาจึงเป็นมาตรฐานสากลที่หลายประเทศ ทั้งใน อเมริกา ยุโรป ออสเตรเลีย รับรองว่าผ่านหลักสูตรนี้จริง
6.เวลาหาเชฟไปทำงานเมืองนอก ไม่มีนโยบายรับเชฟจากโรงแรม เพราะการทำงานในโรงแรมจะแบ่งงานกันทำคนละส่วน แต่จะรับเชฟจากร้านอาหารมากกว่า เพราะมีความคล่องตัวสูง เมื่อไปถึงร้านอาหารในต่างประเทศจะต้องทำงานทุกอย่างได้หมดคนเดียว และงานหนักมากกว่า 2 เท่าของร้านในเมืองไทย
"ชุมพล แจ้งไพร" ผู้ชายคนนี้มาพร้อมกับสิ่งที่อาจเรียกได้ว่าเป็นพรสวรรค์เพราะจะมีสักกี่คนที่สามารถเข้าครัวทำอาหารพร้อมเสริฟให้ลูกค้าทานในร้านอาหารดังได้ตั้งแต่อายุเพียง
11 ขวบ เชฟหนุ่มรุ่นใหม่ วัย 36 ปีนี้ เป็นอดีตเชฟใหญ่แห่งร้านบลูเอเลเฟ่นท์ ซึ่งหลายคนอาจจะคุ้นหน้าคุ้นตาในฐานะแชมป์อาหารไทย
ในรายการแฟนพันธุ์แท้และในรายการเชฟกระทะเหล็ก ปัจจุบันได้ผันตัวเองมาตั้งบริษัทที่ปรึกษาการจัดตั้งร้านอาหารไทยในต่างแดนในชื่อ
Thai Cuisine Connections หรือ TCCC โดยปัจจุบันมีร้านทั้งในยุโรป
ออสเตรเลีย และแคนาดาที่ให้คำปรึกษาดูแลอยู่
พร้อมกับรั้งตำแหน่งเลขาธิการสมาคมพ่อครัวไทย และเป็นเชฟใหญ่ประจำ Vermilion
restaurant and Chinnabar และสอนทำอาหารไทยที่โรงเรียนสอนทำอาหาร
ในเมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ
และเชฟอาหารไทยคนนี้ได้ฝากรสชาติแบบอาหารไทยแท้ๆมาแล้วกว่า30 ประเทศทั่วโลก
จุดเด่น
1.อาหารไทยไม่เป็นรองใครในโลก
2.ทำอะไรก็แล้วแต่ที่พึ่งคนอื่นน้อยที่สุด
แล้วพึ่งตนเองมากที่สุด จุดนั้นจะเป็นจุดที่เราประสบผลสำเร็จได้ง่ายที่สุด
3.ที่นี่ไม่ใช่ชีวิตของเรา ที่นี่ไม่ใช่อนาคตของเรา อนาคตของเราต้องเดินทางต่อไป
4.ผมว่าอาหารคือสิ่งมีชีวิต เพราะอาหารมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และอาหารกับมนุษย์จะเปลี่ยนแปลงให้เข้ากันตลอดเวลา
5.เวลานี้ขอเป็นคนพัฒนาอาหารของประเทศไทย เพราะอาหารไทยถือเป็นสมบัติของชาติ
3.ที่นี่ไม่ใช่ชีวิตของเรา ที่นี่ไม่ใช่อนาคตของเรา อนาคตของเราต้องเดินทางต่อไป
4.ผมว่าอาหารคือสิ่งมีชีวิต เพราะอาหารมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และอาหารกับมนุษย์จะเปลี่ยนแปลงให้เข้ากันตลอดเวลา
5.เวลานี้ขอเป็นคนพัฒนาอาหารของประเทศไทย เพราะอาหารไทยถือเป็นสมบัติของชาติ