การจัดการ (Management)
ความหมายของการจัดการ (Management)
นักวิชาการด้านการจัดการไม่นิยมให้คำจำกัดความการจัดการหรือการบริหาร เนื่องจากมีขอบข่ายและความหมายเกินกว่าจะนิยามด้วยประโยคสั้นๆ เพียงไม่กี่ประโยคได้ คำนิยามที่นักวิชาการในสมัยก่อนนิยามได้แก่ความหมายองค์ประกอบ (บุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไปมาร่วมแรงร่วมใจกันปฏิบัติเพื่อบรรลุเป้าหมายร่วมกัน) โดยดูว่ากิจกรรมใดบ้างที่เข้าข่ายลักษณะงามตามภารกิจของการจัดการ อย่างไรก็ตามนักวิชาการด้านการจัดการในปัจจุบันมีความเห็นไปในทางเดียวกันว่าควรให้คำนิยามความหมายของการจัดการหรือการบริหารเพื่อใช้เป็นแนวทางร่วมกันในการอธิบายขอบข่ายของลักษณะการจัดการ แม้จะไม่สามารถอธิบายได้ครอบคลุม หรืออธิบายได้เพียงบางส่วนเท่านั้นก็ตาม ก็เป็นสิ่งที่ควรกระทำเพื่อให้เกิดความกระจ่างชัดเจนขึ้น
ศิริวรรณ เสรีรัตน์และคณะ ได้ให้ความหมายการจัดการ คือกระบวนการนำทรัพยากรการบริหารมาใช้ให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามขั้นตอนการบริหารคือ
1.การวางแผน ( Planning )
2.การจัดการองค์การ ( Organizing )
3. การชี้นำ ( Leading )
4.การควบคุม ( Controlling )
นักวิชาการด้านการจัดการไม่นิยมให้คำจำกัดความการจัดการหรือการบริหาร เนื่องจากมีขอบข่ายและความหมายเกินกว่าจะนิยามด้วยประโยคสั้นๆ เพียงไม่กี่ประโยคได้ คำนิยามที่นักวิชาการในสมัยก่อนนิยามได้แก่ความหมายองค์ประกอบ (บุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไปมาร่วมแรงร่วมใจกันปฏิบัติเพื่อบรรลุเป้าหมายร่วมกัน) โดยดูว่ากิจกรรมใดบ้างที่เข้าข่ายลักษณะงามตามภารกิจของการจัดการ อย่างไรก็ตามนักวิชาการด้านการจัดการในปัจจุบันมีความเห็นไปในทางเดียวกันว่าควรให้คำนิยามความหมายของการจัดการหรือการบริหารเพื่อใช้เป็นแนวทางร่วมกันในการอธิบายขอบข่ายของลักษณะการจัดการ แม้จะไม่สามารถอธิบายได้ครอบคลุม หรืออธิบายได้เพียงบางส่วนเท่านั้นก็ตาม ก็เป็นสิ่งที่ควรกระทำเพื่อให้เกิดความกระจ่างชัดเจนขึ้น
ศิริวรรณ เสรีรัตน์และคณะ ได้ให้ความหมายการจัดการ คือกระบวนการนำทรัพยากรการบริหารมาใช้ให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามขั้นตอนการบริหารคือ
1.การวางแผน ( Planning )
2.การจัดการองค์การ ( Organizing )
3. การชี้นำ ( Leading )
4.การควบคุม ( Controlling )
ซึ่งจากความหมายดังกล่าวมีคำสำคัญ 3 คำ คือ กระบวนการ, ทรัพยากรการบริหาร และวัตถุประสงค์ สามารถนำมาเขียนเป็น แผนภูมิได้ดังภาพ
INPUT คือทรัพยากรการบริหาร ( Management resources ) อันได้แก่
4 M’s ประกอบด้วย คน ( Man ) เงิน ( Money
) วัตถุดิบ ( Material ) และวิธีการ /
จัดการ ( Method /
Management ) ถูกนำเข้าในระบบเพื่อการประมวลผลหรือการบริการที่เติบโตและพัฒนาก้าวหน้าไปพร้อมกับอุตสาหกรรมการผลิตและการบริการที่เติบโตและพัฒนาขึ้นไปอย่างรวดเร็วทำให้ทรัพยากรเพียง
4 ประการเริ่มไม่เพียงพอสำหรับเป้าหมาย จึงได้เพิ่มขึ้นอีก 2 M’s เป็น 6 M’s ได้แก่ เครื่องจักรกล ( Machine )
และ การตลาด ( Market ) ในขณะเดียวกันการทำงานที่มองเห็นถึงความสำคัญ
หรือคุณค่าของจิตใจของผู้ปฏิบัติงานมีมากขึ้น
โดยให้ความสำคัญกับความพึงพอใจในการปฏิบัติงานของคนงานมากขึ้น
จึงเพิ่มขวัญและกำลังใจ ( Morale ) เข้าไปเป็น 7 M’s และเมื่อโลกก้าวเข้าสู่ยุคโลกาภิวัตน์ ( Globalization ) ระบบการสื่อสารไร้พรหมแดนที่ติดต่อเชื่อมโยงกันเป็นระบบเครือข่ายครอบคลุมทั่วโลกทำให้การติดต่อสื่อสารรวดเร็วใครไม่รู้หรือไม่มีข้อมูลย่อมเสียเปรียบในเชิงธุรกิจจึงได้เพิ่ม
ข้อมูลข่าวสาร ( Message ) เข้าไปในทรัพยากรกระบวนการผลิต
รวมเป็น 8 M’s ซึ่งทรัพยากรเหล่านี้จะเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ
ไม่สิ้นสุดตราบเท่าที่ระบบอุตสาหกรรมการผลิตการจัดจำหน่ายและการบริการยังคงพัฒนาและก้าวไปไม่หยุดยั้ง
PROCESS คือ
หน้าที่หรือกิจกรรมขั้นพื้นฐานที่ผู้บริหารต้องกระทำ ในปัจจุบันยึดถือหน้าที่ 4
ประการได้แก่ POLC การวางแผน ( Planning ), การจัดองค์การ ( Organizing ), การชี้นำ( Leading
) และ การควบคุม ( Controlling ) ซึ่งมีพัฒนาการของแนวคิดมาตั้งแต่สมัยของ
ฟาโย ( Henri Fayol )ปี 1916 ที่เห็นว่าหน้าที่การจัดการ
ประกอบด้วย POCCC ได้แก่ การวางแผน ( Planning ), การจัดองค์การ ( Organizing ), การสั่งการ ( Commanding
), การประสานงาน ( Coordinating ), การควบคุม
( Controlling ) ต่อมาในปี 1937 กูลิกและเออร์วิก ( Gulick
และ Urwick ) เห็นว่ากระบวนการจัดการประกอบด้วย
การวางแผน ( Planning
), การจัดองค์การ ( Organizing ), การจัดคนเข้าทำงาน
( Staffing ), การอำนวยการ ( Directing ), การประสานงาน (Coordinating ), การรายงานผล( Reporting
) และ การงบประมาณ ( Budgeting ) ซึ่งนิยม
เรียกย่อว่า POCDCORB ครั้งเมื่อเข้าปี 1972 แฮร์โรลด์
คูนตซ์ ( Harold D. Koontz ) มีความเห็นว่าหน้าที่ทางการจัดการคือ POSDC ได้แก่การวางแผน
( Planning ), การจัดองค์การ ( Organizing ), การจัดคนเข้าทำงาน ( Staffing ),การอำนวยการ ( Directing
) และการควบคุม ( Controlling )ซึ่งแนวความคิดของเขาเปลี่ยนแปลงไปชัดเจน
โดยในปี 1988 คูนตซ์และเวียห์ริช ( Koontz
และ Weihrich )เขียนตำราใช้ชื่อว่า Management
ร่วมกันและได้เปลี่ยนหน้าที่ทางการจัดการจากตัว D (
Directing ) เป็น L ( Leading ) พัฒนาด้านแนวคิดดังกล่าวยังคงก้าวต่อไปไม่หยุดยั้ง
บางทีในยุคหน้าเราอาจเห็นหน้าที่การจัดการที่เหลืออักษรเพียงตัวเดียวหรือสองตัวเท่านั้นก็เป็นได้
ดังนั้นอาจสรุปหน้าที่หรือกิจกรรมขั้นพื้นฐานทางการจัดการได้ว่าเป็นเครื่องมือที่ใช้ในกระบวนการ
( Process) แปรรูปทรัพยากรที่นำเข้าให้เป็นผลผลิตตามวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายขององค์การต่อไป
OUTPUT คือเป้าหมาย
( Goals ) หรือ วัตถุประสงค์ ( Objectives ) ขององค์การ ที่นำออกมาจากกระบวนการแปรรูปในขั้นตอนที่สอง
เป้าหมายขององค์การสามารถแบ่งหยาบได้เป็น 2 ประเภทด้วยกัน คือ
องค์การที่มีเป้าหมายที่มุ่งแสวงหากำไร ( Profit ) และองค์การที่มีเป้าหมายไม่มุ่งแสวงหากำไร(
Non – profit ) หรืออาจแบ่งเป็นองค์การที่วัตถุประสงค์เพื่อการผลิตสินค้า
กับองค์การที่มีวัตถุประสงค์เพื่อให้บริการ( Services ) ก็ได้
การจัดการในสำนักหอสมุด
-สำนักงานเลขานุการ เป็นฝ่ายที่สนับสนุนภารกิจหลักของสำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยบูรพา
ให้สามารถดำเนินการได้อย่างสะดวกรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ
มีหน้าที่หลักในการดำเนินงานได้แก่ งานสารบรรณ การบริหารงานบุคคล
จัดทำแผนและงบประมาณ อาคารสถานที่และยานพาหนะ ประชาสัมพันธ์ การเงินบัญชีและพัสดุ
โดยอำนวยความสะดวกและประสานงานระหว่างสำนักหอสมุดกับหน่วยงานภายในและภายนอกมหาวิทยาลัย
-ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ ทำหน้าที่ดูแลรับผิดชอบงานให้บริการเทคโนโลยีสารสนเทศแก่ฝ่ายต่าง
ๆ ดูแลระบบเครือข่าย จัดการฐานข้อมูล ตลอดจนแก้ไขปัญหา
ที่เกิดจากเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์โปรแกรมและเครือข่าย เพื่อให้ฝ่ายต่าง ๆ
สามารถใช้เทคโนโลยีในการดำเนินงานและให้บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
รวมทั้งการฝึกอบรมเพื่อส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศแก่ผู้ปฏิบัติงาน
ให้สามารถใช้เทคโนโลยีสารสนเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศรับผิดชอบงานดังนี้
1.วางแผนและพัฒนาระบบเทคโนโลยี
ทำหน้าที่วางแผนและพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์ ในห้องสมุด โดยการศึกษาเทคโนโลยีใหม่ ๆ
จัดหาเครื่องคอมพิวเตอร์ และโปรแกรมต่าง ๆ สำหรับการพัฒนางาน
2.งานระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ดูแลระบบคอมพิวเตอร์ ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์โปรแกรมระบบห้องสมุดอัตโนมัติ
และโปรแกรมคอมพิวเตอร์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการบริการ
การพัฒนาหรือบริหารงานห้องสมุด
3.งานฐานข้อมูล ดูแลรับผิดชอบฐานข้อมูลระบบห้องสมุดอัตโนมัติ
ฐานข้อมูลวิทยานิพนธ์ออนไลน์ฉบับเต็ม ฐานข้อมูลปัญหาพิเศษระปริญญาตรี
และฐานข้อมูลอื่น ๆ ที่พัฒนาขึ้นเพื่อใช้ประโยชน์ในการให้บริการสารสนเทศ
รวมทั้งการพัฒนาเว็บไซต์สำนักหอสมุด
4.งานเว็บไซต์ ดูแลและพัฒนาเว็บไซต์ของสำนักหอสมุด
5.งานบริการดูแลระบบห้องสมุดอัตโนมัติให้หน่วยงานต่าง
ๆทำหน้าที่ให้คำปรึกษาเรื่องระบบห้องสมุดอัตโนมัติบริการการติดตั้งรวมถึงดูแลระบบห้องสมุดอัตโนมัติกับคณะต่างๆ
ในมหาวิทยาลัยและหน่วยงานราชการที่ร้องขอ
6.งานฝึกอบรม
พัฒนาบุคลากรให้มีความรู้และทักษะในด้านเทคโนโลยีสารสนเทศในการฝึกอบรมด้านเทคโนโลยีสารสนเทศแก่บุคลากรในระดับต่าง
-ฝ่ายบริการสารสนเทศ ทำหน้าที่ให้บริการยืม-คืนหนังสือ/วิทยานิพนธ์
แนะนำการใช้ห้องสมุดและบริการต่าง ๆ ของห้องสมุด
รวมทั้งดูแลความเรียบร้อยของชั้นหนังสือ ดังนี้
งานยืม-คืน
·
บริการยืม-คืนหนังสือ/วิทยานิพนธ์
·
บริการยืมระหว่างห้องสมุด
·
รับสมัครสมาชิกห้องสมุด
·
ตรวจสอบหนี้สินของสมาชิกห้องสมุด
·
แจ้งสื่อเกินกำหนดส่งและแจ้งวันกำหนดส่งสื่อล่วงหน้าแก่บุคลากรของมหาวิทยาลัย
งานส่งเสริมการใช้บริการ
·
ฝึกอบรมการใช้ห้องสมุดและฐานข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์
·
แนะนำการสืบค้นฐานข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์
·
แนะนำการใช้ห้องสมุดและบริการต่าง
ๆ ของห้องสมุด
·
บริการตอบคำถามและช่วยการค้นคว้า
งานบริการผู้อ่าน
·
ดูแลความเรียบร้อยของชั้นหนังสือ
·
ตรวจสอบหนังสือที่มีสภาพชำรุดและจัดส่งไปบำรุงรักษา
-ฝ่ายพัฒนาทรัพยากรสารสนเทศ ทำหน้าที่คัดเลือก จัดหาหนังสือจากภายในและต่างประเทศให้สอดคล้องกับแผนการเรียนการสอน
การศึกษาค้นคว้าวิจัยของมหาวิทยาลัยบูรพารวมทั้งดำเนินงานบำรุงรักษาหนังสือให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์อีกด้วย
-ฝ่ายวิเคราะห์ทรัพยากรสารสนเทศ ทำหน้าที่วิเคราะห์ทรัพยากรสารสนเทศ
เพื่อ ให้ผู้ใช้บริการเข้าถึงได้อย่างรวดเร็ว ถูกต้อง ทันสมัยและตรงกับความต้องการ
โดยการนำเทคโนโลยีสารสนเทศและวิธีการต่าง ๆ มาใช้ในการดำเนินงานสร้างฐานข้อมูลบรรณานุกรมหนังสือ
และสื่อโสตทัศน์ทั้งภาษาไทยและภาษาต่างประเทศ
1.งานตรวจสอบหนังสือกับฐานข้อมูล
- รับหนังสือจากฝ่ายวางแผนฯ
และนำหนังสือมาทำการตรวจสอบรายการในระบบฐานข้อมูลของสำนักหอสมุด
หากรายการใดมีอยู่แล้วดำเนินการเพิ่มข้อมูลรายการ(Item) ในฐานข้อมูล
- นำหนังสือที่ไม่มีในระบบฐานข้อมูลมาตรวจสอบกับinternet
- รายการใด ไม่มีในระบบห้องสมุด จะนำส่งให้บรรณารักษ์ทำการวิเคราะห์หมวดหมู่ต่อไป
2.งานสร้างและควบคุมฐานข้อมูลบรรณานุกรมหนังสือและสื่อโสตทัศน์
-
การกำหนดโครงสร้างของฐานข้อมูลบรรณานุกรมหนังสือ และสื่อโสตทัศน์
-
ออกแบบหน้าจอของงานฐานข้อมูลบรรณานุกรมหนังสือ และสื่อโสตทัศน์
- ดูแลระบบฐานข้อมูลบรรณานุกรมหนังสือ และสื่อโสตทัศน์
3.งานบันทึกข้อมูล
- บันทึกข้อมูลทางบรรณานุกรมหนังสือ วิทยานิพนธ์ และสื่อโสตทัศน์ เช่น ชื่อผู้แต่ง ชื่อหนังสือ สถานที่พิมพ์ สำนักพิมพ์ ปีพิมพ์ หัวเรื่อง และข้อมูลอื่นๆ
ตามรูปแบบมาตรฐานการลงรายการ US
MARC ลงในระบบฐานข้อมูลบรรณานุกรมหนังสือลงระบบ Magic
Library
งานวิเคราะห์ข้อมู
- วิเคราะห์เนื้อหาของหนังสือแต่ละรายการ
และกำหนดเลขหมู่ให้ตรงกับเนื้อหาพร้อมทั้งกำหนด หัวเรื่องโดยใช้คู่มือประกอบ
- ลงรายการบรรณานุกรม และกำหนดหัวเรื่องสื่อโสตทัศน์
4.งานเตรียมหนังสือและสื่อโสตทัศน์ก่อนออกบริการ
- พิมพ์สัน ติดสัน ตามเลขเรียกหนังสือ
- ตรวจสอบความถูกต้องของหนังสือกับสันหนังสือ
- พิมพ์รายชื่อหนังสือใหม่ตามใบแนะนำสั่งซื้อ ของอาจารย์ที่สั่งซื้อ
- นำหนังสือส่งฝ่ายบริการสิ่งพิมพ์ และ ฝ่ายส่งเสริมการใช้บริการ
เพื่อออกให้บริการ
- นำสื่อโสตทัศน์ส่งออกให้บริการ
-ฝ่ายเอกสารและวารสาร ดำเนินการคัดเลือก การจัดหา
ตรวจรับลงทะเบียนวารสาร หนังสือพิมพ์ และจดหมายข่าว
การจัดทำรายการบรรณานุกรมวารสาร การจัดทำดัชนีวารสารการจัดทำหน้าสารบัญวารสาร
การจัดทำวารสารสถาบันฉบับเต็ม การเย็บเล่มวารสาร และการดูแลห้องอ่านวารสาร
-ฝ่ายโสตทัศนศึกษา เป็นหน่วยงานหนึ่งในงานบริการการศึกษา
สังกัดสำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยบูรพา มีหน้าที่ในการคัดเลือก จัดหา บริการยืม-คืน
สื่อโสตทัศน์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์แก่สมาชิก บริการศูนย์การเรียนรู้ด้วยตนเอง
ห้องมินิโฮมเธียเตอร์ โดยให้บริการเป็นรายบุคคลและเป็นกลุ่ม ตลอดจน ให้บริการ VIDEO/CD
on Demand รายการภาพยนตร์ และนิทรรศการออนไลน์บนเว็บไซต์สำนักหอสมุด
การให้บริการ
พื้นที่บริการ
ชั้น 2
·
สมัครสมาชิกห้องสมุด
·
ยืม-คืนหนังสือ/ วิทยานิพนธ์,
ยืมระหว่างห้องสมุด
·
สืบค้นฐานข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์,
ตอบคำถามและช่วยการค้นคว้า
·
หนังสือภาษาต่างประเทศ
·
มุมหนังสือตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
(SET Corner), มุมต่อต้านการค้ามนุษย์, มุมคุณธรรม
ชั้น 3
·
ยืม-คืนหนังสือ/ วิทยานิพนธ์
·
หนังสือภาษาไทย,
นวนิยาย, เรื่องสั้น, หนังสือเด็ก
ชั้น 5
·
ยืมหนังสือ/ วิทยานิพนธ์
·
ฝึกอบรม/ แนะนำการใช้ห้องสมุด
·
สืบค้นฐานข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์,
ตอบคำถามและช่วยการค้นคว้า
·
วิทยานิพนธ์,
หนังสืออ้างอิง, หนังสือหายาก, ราชกิจจานุเบกษา, สารสนเทศภาคตะวัน ออก, จุลสาร, กฤตภาค
ชั้น 7
·
หนังสือพระราชนิพนธ์ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ
สยามบรมราชกุมารี
·
หนังสือภาษาไทย พิมพ์ก่อน พ.ศ. 2526
·
หนังสือภาษาต่างประเทศ พิมพ์ก่อน
ค.ศ. 1970
การบริการ
· บริการหนังสือด่วน
(หนังสือใหม่อยู่ระหว่างการดำเนินงานของงานพัฒนาทรัพยากร)หนังสือสืบค้นได้จาก OPAC
(การสืบค้นจากคอมพิวเตอร์) ในช่องสถานะของหนังสือระบุว่า กำลังดำเนินการ ผู้ใช้สามารถขอรับบริการหนังสือชื่อเรื่องนั้น
ๆ ได้จากฝ่ายวางแผนและพัฒนาทรัพยากร ห้อง 109 ชั้น 1 สำนักหอสมุด
โดยทางฝ่ายจะให้บริการหนังสือด่วนแก่ผู้ใช้บริการทันทีที่ได้รับแบบคำร้องขอใช้หนังสือด่วน
ซึ่งขอรับบริการคำร้องดังกล่าวได้จากเคาน์เตอร์บริการ ชั้น 2
· บริการอินเทอร์เน็ต
· บริการจัดแสดงสื่อใหม่
· บริการห้องมินิโฮมเธียเตอร์
· บริการศูนย์การเรียนรู้ด้วยตนเอง
· บริการยืม-คืนสื่อโสตทัศน์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์
· บริการขอใช้สื่อโสตทัศน์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์เร่งด่วน
· บริการปริ้นท์ข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตด้วยเครื่องพิมพ์มีทั้งขาวดำ และสี
· บริการจองสื่อโสตทัศน์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ผ่านทาง WEB
OPAC
· บริการแปลงสัญญาณเทปวีดิทัศน์เป็นวีซีดีหรือแปลงสัญญาณวีซีดีเป็นเทปวีดิทัศน์
· บริการ Video on Demand, CD on Demand
· บริการนิทรรศการออนไลน์
·
บริการยืม-คืนทรัพยากรห้องสมุด
การดูแลรักษาทรัพยากรในสำนักหอสมุด
1.
หนังสือทุกเล่มที่รับเข้ามาใหม่ในห้องสมุดก่อนจะทำการจัดหมวดหมู่เพื่อนำส่งขึ้นชั้นให้บริการนั้น
จะต้องผ่านกระบวนการคัดแยกตามประเภทของปก
และประเภทของสิ่งพิมพ์กล่าวคือจะคัดแยกหนังสือออกเป็น 4 ประเภทได้แก่
หนังสือปกแข็ง หนังสือปกอ่อน และวิทยานิพนธ์ (ฉบับสำเนา)
หนังสือปกแข็งจะคัดแยกและนำส่งฝ่ายวิเคราะห์ทรัพยากรสารสนเทศ หนังสือปกอ่อนจะทำการเสริมปกแข็ง
และวิทยานิพนธ์ฉบับสำเนาจะทำการเย็บเล่มและเข้าปกแข็ง
2.
หนังสือที่ออกให้บริการในห้องสมุดแล้วชำรุด
ส่วนงานให้บริการผู้ใช้จะรวบรวมส่งให้งานบำรุงรักษาหนังสือดำเนินการรับมาทำความสะอาดและคัดแยกประเภทการซ่อม
โดยจำแนกการซ่อมออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่การซ่อมแบบสมบูรณ์ (Full repair) การซ่อมกึ่งสมบูรณ์ (Half repair) การซ่อมบางส่วน (Partial
repair) และการเย็บเล่มเข้าปกแข็ง (binding) กระบวนการนี้รวมถึงการจัดทำป้ายอักษรชื่อเรื่องของหนังสือและแถบรหัสเลขเรียกหนังสือ
เพื่อความสมบูรณ์ในการขึ้นชั้นให้บริการอีกครั้งหนึ่งของหนังสือด้วย
3.
การรับหนังสือชำรุดจากส่วนให้บริการผู้ใช้จะต้องตรวจสอบเอกสารนำส่งซึ่งแนบมาให้ถูกต้องตรงกัน
เมื่อมีรายการใดไม่ถูกต้องจะทำการทักท้วงและนำเอกสารส่งคืนเพื่อตรวจสอบและแก้ไขให้ถูกต้องตรงกับจำนวนและรายการหนังสือที่ได้รับจริงทุกครั้ง
และเมื่องานบำรุงรักษาหนังสือดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว
จะนำหนังสือส่งคืนส่วนให้บริการผู้ใช้ครบถ้วนตามจำนวนที่ได้รับ
4.
สำหรับหนังสือที่ถูกส่งมาบำรุงรักษาไม่ว่าจะด้วยวิธีใด
จะเป็นหนังสือใหม่แรกรับหรือหนังสือเก่าออกให้บริการแล้วชำรุดส่งซ่อมก็ตาม
เมื่อมีผู้ใช้บริการต้องการใช้ด่วน
งานบำรุงรักษาหนังสือจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเวลาไม่เกิน 3
ชั่วโมงหลังจากได้รับคำร้องขอ โดยร้องขอไม่เกินเวลา 14.00 น.
ของวันทำการปกติหากได้รับแจ้งหลังจากเวลานั้นผู้ใช้บริการจะได้รับหนังสือในอีก 1
วันถัดมา
5.
วัสดุที่ใช้ในการบำรุงรักษาหนังสือจะเป็นไปด้วยความประหยัดตามวิธีการในการบำรุงรักษาแต่ละวิธีซึ่งแตกต่างกันไป
โดยหากวัสดุเดิมของหนังสือยังใช้ได้จะยังคงใช้เป็นส่วนสำคัญในการบำรุงรักษา
ไม่ว่าจะเป็นการซ่อมการเสริมปกแข็งหรือการเข้าปกเย็บเล่มใหม่ก็ตาม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น